รูปแบบธุรกิจออนไลน์ ทำง่ายๆ ด้วยตัวคุณ
ธุรกิจออนไลน์ หรือ E-Commerce คือ
การทำธุรกิจการค้าผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ตโดยอัตโนมัติ
เมื่อผู้ซื้อหรือลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าดังกล่าวก็จะจ่ายค่าสินค้าได้ทันทีผ่านระบบบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตที่ร่วมรายการ
จากนั้นเว็บไซต์หรือแหล่งนำเสนอสินค้าในอินเตอร์เน็ตก็จะตัดสินค้าออกจากคลังและจัดส่งสินค้านั้นไปถึงมือลูกค้า
ซึ่งในการทำอีคอมเมิร์ซหรือธุรกิจออนไลน์นี้ไม่ใช่เป็นเพียงแค่การทำเว็บไซต์หรือช่องทางการจำหน่ายสินค้าขึ้นมาเท่านั้นนะคะ
แต่ยังมีความหมายรวมไปถึงการนำเทคโนโลยีมาใช้ในกระบวนการทางธุรกิจ
เพื่อลดค่าใช้จ่าย ลดเวลาที่ต้องสูญเสียไปโดยเปล่าประโยชน์
โดยจะสามารถทำการค้าขายได้ตลอด 24 ชั่วโมง
และยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจเพราะง่ายต่อการโฆษณาสินค้าให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง
และยังสามารถโฆษณาไปถึงประเทศอื่นๆ ได้อีกด้วย
Website
การทำธุรกิจออนไลน์ผ่านทางเว็บไซต์นั้น
โดยมากจะเป็นการขายสินค้าผ่านออนไลน์
ถ้าคุณมีสินค้าพร้อมอยู่แล้วและเมื่อคิดจะเริ่มธุรกิจลักษณะนี้
สิ่งสำคัญอันดับแรกที่ควรมี หนีไม่พ้นเลยก็คือ Website ของตัวคุณหรือเปิดขึ้นมาในนามร้านค้าของเราก็ได้
เพราะการมีเว็บไซต์เป็นหลักแหล่งเป็นตัวช่วยเรียกความเชื่อมั่น
ความน่าเชื่อถือในตัวสินค้าจากลูกค้าได้ อีกทั้งยังสามารถบริหารจัดการทุกๆ
ส่วนได้ด้วยตัวเอง ถ้าเป็นเมื่อก่อนบางคนอาจจะต้องอาศัยการจ้างทำเว็บไซต์ เนื่องจากการทำเว็บไซต์ด้วยตัวเองยังเป็นเรื่องยาก
ส่วนเรื่องราคาก็จะแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับระบบต่างๆ
ที่เราต้องการนำเสนอให้ลูกค้าได้เห็น
นอกจากนี้ภายในเว็บไซต์ได้มีการแยกสินค้าไว้เป็นหมวดหมู่
สะดวกต่อการเลือกดูสินค้า มีระบบการสั่งซื้อที่คลิกแล้วลากได้เลย
แม้ว่าจะเป็นรูปแบบการค้าขายออนไลน์ต่างประเทศ
แต่ด้วยแนวคิดการทำธุรกิจออนไลน์ มุมมองต่างๆ ที่น่าสนใจนี้โดดเดนและประสบความสำเร็จจนต้องปรบมือให้
เลยขอเอามาบอกเล่าไว้ให้ผู้สนใจมองไว้เป็นตัวอย่างในการทำธุรกิจออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ค่ะ
Social Media
เป็นสื่อในสังคมออนไลน์ที่ปัจจุบันคนไทยต่างนิยมใช้งานกันมากและมีการใช้งานในรูปแบบการสื่อสารสองทาง
(Interactive) ซึ่งผู้ใช้งานสามารถเข้าถึง Social
Media ประเภทต่างๆ ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว
สามารถเข้ามาแบ่งปันความรู้ ข้อมูล ข่าวสารต่างๆ
ให้แก่กันได้อย่างอิสระและสามารถโต้ตอบแสดงความคิดเห็นกันได้อย่างทันทีทันใด
ทำให้ไม่พลาดทุกการสื่อสาร
หลังจากที่คุณมีเว็บไซต์เป็นของตัวเองเรียบร้อยแล้ว การทำ Social Media Marketing นี้จะช่วยดันให้เว็บไซต์ของคุณขยับขึ้นไปอยู่ในอันดับที่ดีขึ้นในเว็บไซต์ของ
Google ได้
ข้อดีของการทำการตลาดบนสังคมออนไลน์นี้ยังสามารถเข้าถึงลูกค้าได้ตรงตามกลุ่มเป้าหมาย
รวดเร็วทันใจ และช่วยในการ PR หรือประชาสัมพันธ์ เพราะมีระบบการแชร์ที่กระจายข้อมูลให้คนรู้ในวงกว้างและเกิดการบอกต่อในหมู่มากได้อย่างง่ายดาย
ซึ่งการทำการตลาดแบบ Social Media Marketing ก็ไม่ได้ทำได้แค่ในเฉพาะเว็บไซต์
Facebook , Twitter เท่านั้น
แต่ยังสามารถโปรโมทเว็บไซต์หรือแบรนด์สินค้าผ่านทาง Youtube, Flickr หรือ Blog ต่างๆ ได้ด้วย แนะนำค่ะอย่าง Blog
ก็เป็นช่องทางหนึ่งที่คุณสามารถเขียนบทความต่างๆ ได้โดยง่าย
โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องรู้ภาษา HTML คุณก็สามารถทำได้แล้ว
ปัจจุบันก็จะพบอยู่ 3 รูปแบบด้วยกัน คือ
1 .Executive Blog การใช้บล็อคที่เขียนด้วยผู้บริหารระดับสูง
เรียกว่า CEO Blog อันนี้เป็นการสร้างความใกล้ชิดกับลูกค้าค่ะ
2. Company Blog การใช้บล็อคโดยตัวแทนของบริษัท
บอกสิ่งที่เป็นไปหรือสิ่งที่เกิดขึ้น
ข้อดีของบล็อคลักษณะนี้สามารถใช้เป็นเครื่องมือในการสร้างแบรนด์ นำเสนอภาพลักษณ์
บอกเล่าความเป็นตัวตนของบริษัทได้ค่ะ
รูปแบบสุดท้ายน่าจะเป็นรูปแบบของการใช้ Blog ในการทำธุรกิจออนไลน์ขนาดเล็กได้อย่างเหมาะสมที่สุดนะคะ
เพราะเป็น Product Blog คือ
การใช้บล็อคอย่างเฉพาะเจาะจงที่ให้รายละเอียดเกี่ยวกับสินค้าที่จัดจำหน่าย
พร้อมเปิดโอกาสให้ผู้อ่านได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างอิสระ เห็นได้ตามทั่วไปจากบล็อคที่ขายสินค้าผ่านการรีวิวิสินค้า หรืออย่าง Youtube
ซึ่งถือว่าเป็น Social Media Sharing ก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่แสนสะดวกนะคะ
ให้คุณสามารถอัพโหลดรูปภาพ วิดีโอ เกี่ยวกับสินค้าหรือบริการในธุรกิจออนไลน์ของคุณ
แบ่งปันไปสู่กลุ่มเป้าหมายที่คุณต้องการได้อีกด้วย การทำการตลาดแบบ Social
Media Marketing นี้ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายด้านการโฆษณามากกว่าการโฆษณาแบบอื่นๆ
ค่ะ เพราะเป็นการเพิ่มช่องทางในการติดต่อสื่อสาร
โดยลูกค้าสามารถเข้าถึงข้อมูลสินค้าหรือบริการได้ ตลอด 24 ชม.
อย่างที่ทราบกันว่าโลกอินเตอร์เน็ตไม่เคยหลับใหล
ธุรกิจออนไลน์ผ่าน Social Media นั้นเป็นรูปแบบการทำธุรกิจที่ง่ายสุดๆ คุณสามารถสร้างแบรนด์หรือตัวสินค้า
สร้างบริการของธุรกิจของคุณให้เป็นที่รู้จัก พร้อมๆ
กันนั้นยังได้ประชาสัมพันธ์และเป็นช่องทางในการสำรวจทัศนคติและ Feedback จากลูกค้า โดยสำรวจได้จากคอมเม้นท์ต่างๆ เป็นผลดีต่อการพัฒนาธุรกิจออนไลน์ของคุณในอนาคตต่อไปได้
Marketplace
บางคนที่พอรู้จักอาจจะกำลังสงสัยว่าแล้วแตกต่างจากการสร้าง Website
อย่างไร คำตอบก็คือแตกต่างในส่วนที่ว่า การสร้าง Website ก็คือการสร้างเว็บเพื่อนำเสนอสินค้าของคุณโดยตรงแต่ Marketplace
หรือ E-Marketplace นี้คือ
การสร้างตลาดกลางขึ้นมา เพื่อรวบรวมสินค้าและร้านค้าหรือบริษัทมาไว้ที่เดียวกันค่ะ
พูดง่ายๆ ก็คือ เหมือน ebay ที่ทุกคนน่าจะรู้จักกันอย่างดี
มีลูกค้ากลุ่มหนึ่งค่ะที่เป็นขาประจำของ Marketplace สาเหตุที่พวกเขายังนิยมการซื้อหรือค้นหาสินค้าที่ต้องการผ่านช่องทางดังกล่าวก็เพราะ
Marketplace ช่วยลดเวลาในการค้นหาข้อมูลที่จำเป็นเกี่ยวกับสินค้าที่กำลังสนใจ
ลดความเหลื่อมล้ำและความไม่เท่าเทียมกันของข้อมูลระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย
ลดเวลาในการติดต่อ ซื้อขายแลกเปลี่ยน
การตัดสินใจในการทำการซื้อขายโดยที่ไม่ต้องเสียเวลาออกมานัดเจอกันนอกสถานที่
รวมถึงยังมีประโยชน์ในด้านลูกโซ่การซัพพลายของอุตสาหกรรม
เพราะลูกค้าสามารถรู้ได้ว่ามีสินค้าอะไรขายบ้าง ราคาเท่าไหร่
เช่นเดียวกับผู้ขายสินค้าค่ะที่ก็จะรู้ได้ว่า ลูกค้าส่วนใหญ่ต้องการสินค้าอะไร
ในปริมาณเท่าไหร่ ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยคุณในการบริหารจัดการลดสินค้าที่สามารถเกิดการค้างสต๊อกในธุรกิจออนไลน์ของคุณได้ค่ะ
Drop
Shipping
Drop Shipping คือการทำธุรกิจออนไลน์โดยที่คุณนำข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าที่ไม่ได้อยู่กับเรา
(อาจจะเริ่มงง) มาใส่ไว้ในเว็บไซต์ที่ตนเองสร้างขึ้นเพื่อทำการโปรโมทสินค้า
จนได้รับการติดต่อเข้ามาแล้วจึงค่อยสั่งสินค้าไปยังผู้ขายสินค้าจริงๆ
(ไม่งงแล้วใช่มั้ยคะ) แปลง่ายๆ ค่ะ ก็คือ การเป็นนายหน้าสินค้าชนิดต่างๆ นั่นเอง
เพียงแต่อันนี้ไม่ได้เป็นการแปะลิ้งค์อย่างที่พบเห็นกันทั่วไปจนน่ารำคาญใจ
แต่เป็นการขายสินค้าโดยตรงเพียงแต่สินค้าจะยังไม่ได้อยู่ที่เราในเริ่มแรก
เป็นธุรกิจออนไลน์ที่เหมาะสำหรับผู้ที่อยากเริ่มธุรกิจออนไลน์แต่ยังขาดเงินทุนในการจัดหาซื้อสินค้ามาไว้เป็นสต็อกก่อน
สำหรับคนที่สนใจธุรกิจออนไลน์รูปแบบนี้จะต้องทำการติดต่อและตกลงกับผู้ขายที่มีสินค้านั้นๆ
ก่อนนะคะเพื่อให้ได้ราคาทุนหรือราคาส่ง
เมื่อตกลงกันได้แล้วจึงค่อยนำข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าดังกล่าวมาใส่ในเว็บไซต์ของตัวเอง
จนเมื่อมีลูกค้าสนใจติดต่อสั่งซื้อเข้ามาค่อยแจ้งไปยังผู้ขายสินค้าที่มีสต็อกให้จัดส่ง
รายได้ก็จะมาจากกำไรที่หักจากต้นทุนหรือราคาส่งนั่นเอง จะเห็นได้ว่า Drop
Shiping มีข้อดีในแง่ของเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการขายสินค้าแต่ไม่มีทุนในการสต็อกสินค้า
และไม่ต้องยุ่งยากในเรื่องของการจัดส่งสินค้าอีกด้วย
ที่มา : http://socialintegrated.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น